วันศุกร์ที่ 1  กันายน   2560
          คณะครูในระดับช่วงชั้นที่ 2 นำนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5-6 ไปทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตามโครงการพาหนูสู่โลกกว้างทางปัญญา ปีการศึกษา 2560 มีนักเรียนร่วมเดินทางไปทัศนศึกษา จำนวน 199 คน มีครูควบคุม จำนวน 10 คน นำโดย นางสาวสุรัชญา  อ่วมแย้ม รองผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล ๑ วัดเทียนดัด จุดแรกเข้าชมพระราชวังบางปะอินมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระราชวังบางปะอินเป็นพิฑีกรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา สิ่งก่อสร้างหรือสถาปัตยกรรมหรือพระตำหนักสำคัญๆ ภายในบริเวณพระราชวังบางปะอิน  ซึ่งตามพระราชพงศาวดารครั้งกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าปราสาททองเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถประสูติแต่หญิงชาวบ้าน ซึ่งพระองค์ทรงพบเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งแล้วเกิดล่มลงตรงเกาะบางปะอิน เมื่อประเจ้าปราสาททองขึ้นครองราชย์ จึงทรงพระกรุณาให้สร้างวัดขึ้นบริเวณเคหสถานเดิมของพระมารดา และขุดสระน้ำสร้างพระราชนิเวศน์ขึ้นกลางเกาะ สำหรับเสด็จประพาส และสร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์” พระราชวังบางปะอินได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 และต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆขึ้น ดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันนี้ ซึ่งยังคงใช้เป็นที่ประทับและต้อนรับพระราชอาคันตุกะและพระราชทานเลี้ยงรับรองในโอกาสต่างๆ
           ต่อจากนั้นได้เดินทางไปชมวัดใหญ่ชัยมงคล วัดมงคลบพิตร เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่ได้เข้าไปกราบสักการะพระมงคลบพิตร เนื่องจากปิดทำการซ่อมแซม ต่อด้วยการเข้าชมวัดพระศรีสรรเพชญ ซึ่งจุดนี้ถ้ามีเจ้าหน้าที่บรรยายนักเรียนจะได้รับสาระน่ารู้เกี่ยวกับประวัติของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า วัดที่มีความสำคัญที่สุดวัดหนึ่งในยุคโบราณคือวัดพระศรีสรรเพชญ์แห่งนี้ เพราะมีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างให้เป็นวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานโดยไม่มีพระสงฆ์จำวัด ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญมากมาย รวมถึงพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาปีละ 2 ครั้ง เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์อยุธยาเกือบทุกพระองค์ จึงกล่าวได้ว่าสำคัญเทียบเท่าวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัยเลยทีเดียว เดิมที่ตั้งของวัดเป็นพระราชมณเฑียรที่ประทับของพระมหากษัตริย์ซึ่งสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอู่ทอง แต่ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางทิศเหนือต่อจากเขตวัดจรดแม่น้ำลพบุรี และยกที่ดินเดิมผืนนี้เป็นเขตพุทธาวาส และสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.1991
ใจกลางวัดเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์ใหญ่ศิลปะลังกา 3 องค์ มีมณฑป 3 หลังคั่นกลางสร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระเจดีย์สององค์แรกทางทิศตะวันออกสร้างเมื่อ พ.ศ.2035 ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถพระราชบิดา และองค์ที่สองคือองค์กลางเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระบรมเชษฐา ส่วนเจดีย์องค์ที่ 3 ทางทิศตะวันตก สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร) พระราชโอรสได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 วิหารปลายทิศตะวันออกของพระเจดีย์องค์ที่ 1 นี้เรียกว่าพระวิหารหลวงหรือพระวิหารหลวงหรือวิหารพระศรีสรรเพชญ์นี้ เคยมีพระพุทธรูปหุ้มทองคำหนัก 286 ชั่ง หรือ 171 กิโลกรัม เท่ากับ 12,880 บาท ประทับยืนสูงถึง 8 วาหรือ 16 เมตร พระนามว่า พระศรีสรรเพชญดาญาณ ถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในสมัยอยุธยา ซึ่งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2043 แต่เมื่อครั้งเสียกรุง พ.ศ.2310 พม่าได้เผาลอกทองไปหมดสิ้น จนเหลือแต่แกนในพระซึ่งทำด้วยสำริด ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงอัญเชิญแกนในพระศรีสรรเพชญ์นี้ลงไปที่กรุงเทพมหานครและสร้างพระเจดีย์หุ้มแกนพระไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์ แล้วถวายพระนามว่า เจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ดาญาณตามองค์พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ภายใน 
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ https://thai.tourismthailand.org/ และเว็บไซต์ http://www.emagtravel.com/archive/bangpain-palace.html
 

โรงเรียนเทศบาล๑วัดเทียนดัด(นครผลพิทยาคาร)
๑/๑ หมู่ ๑ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๑๐ โทร ๐๒-๔๒๙๐๗๗๗

สร้างสรรค์โดย : กุลวิณ ฐานะกอง

 
ต.